อย่างที่หลายคนทราบไปแล้ว เมื่อคืนวานซืนที่ผ่านมา Apple ได้จัดอีเวนต์พิเศษขึ้นเพื่อเปิดตัวอุปกรณ์ใหม่ล่าสุด Apple iPad ตามข่าวลือก่อนหน้านี้ที่ลือกันมานานหลายเดือนว่า iPad จะมีการเปิดตัวในช่วงต้นปีนี้
สำหรับลักษณะแว๊บแรกที่สังเกตเห็นก็คงนึกไม่ต่างกับหลายๆ คนว่าเจ้านี่คือ iPod Touch ขนาดยักษ์ก็ไม่เชิง และผมได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจสำหรับเจ้า iPad มาให้อ่านกันแล้วที่นี่ครับ
- ถูกขับเคลื่อนโดยพลังของ Apple A4 ซึ่งเป็นชิปแบบ SoC (System on Chip) ความเร็ว 1 GHz คือตัวเดียวครบเครื่อง มาพร้อมกับไวไฟ และรองรับ 3G อีกต่างหาก
- ใช้ระบบปฏิบัติการเดียวกันกับ iPhone – แน่นอนว่าข้อดีของการใช้ระบบปฏิบัติการเดียวกับไอโฟน หมายความว่าโปรแกรมต่างๆ ของไอโฟนหรือไอพอดทัช จะสามารถนำมาใช้งานกับ iPad ได้ด้วย
- ไม่รองรับ multitasking นี่คือหนึ่งในข้อสังเกตเกี่ยวกับ iPad ซึ่งก็เป็นผลมาจากการใช้ระบบปฏิบัติการเดียวกับ iPhone นั่นเอง (เพราะอุปกรณ์ที่กล่าวมา ก็ไม่ได้รองรับ multitasking) แต่ข้อดีของมันก็มีนะครับ คือสามารถที่จะทำงานได้อย่างรวดเร็ว
- ใช้จอแบบ IPS (In-Plane Switching) สำหรับโลกแห่ง LCD แล้ว จอแบบ IPS เป็นจอที่มีข้อได้เปรียบกว่าจอชนิดอื่นๆ มากเนื่องด้วยเหตผลเรื่องความคมชัดของภาพ การแสดงสีที่ทำได้มากกว่าสีอื่นๆ และที่สำคัญที่สุดคือองศาการมอง ที่ทำได้ดีในทุกๆ มุมมองทั้งแนวตั้งและแนวนอน (จอ LCD ปัจจุบันส่วนมากมักจะมองได้ดีเพียงแค่แนวเดียว เมื่อมองจากด้านบน หรือพลิกจอแล้ว องศาการมองจะทำได้ไม่ค่อยดีนัก)
- สามารถทำงานได้นานถึง 10 ชั่วโมง ตามที่ Apple ได้เคลมไว้ในการพรีเซนต์ กล่าวว่า iPad สามารถทำงานได้นานถึงสิบชั่วโมงในการใข้งานตามปกติ สำหรับการใช้งานหากเทียบกับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค หรือเน็ตบุ๊คแล้ว ถือว่าเยอะมากทีเดียว
- ไม่รองรับ Flash นี่คือสิ่งที่ยังเป็นข้อด้อยของอุปกรณ์ตัวนี้่ ณ ขณะนี้ แต่คาดว่าในอนาคตคงจะใช้งาน Flash ได้ครับ เพราะจอใหญ่ตีตลาดพกพาขนาดนี้ หากเล่นแฟลชไม่ได้ถือว่างานหนักหน่อย
- มาพร้อมกับ iBook Store ที่ทาง Apple หวังว่าจะตีตลาดนี้อย่างจริงจังเพื่อแข่งกับ Kindle จากทางอะเมซอน โดยการดาวน์โหลดก็จะสามารถดาวน์โหลดผ่านระบบไวไฟ หรือ 3G ได้เลยทันที
- สำหรับขนาดของเมมโมรีและราคาที่จะออกวางจำหน่าย รุ่นต่ำสุดจะเป็นขนาด 16GB ที่ไม่มีระบบ 3G จะมีราคาขายอยู่ที่ $499 (ประมาณ 17,000 บาท) นอกจากนี้จะมีโมเดลที่สูงกว่านี้คือ 32GB , 64GB ราคาจะไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ ตัวที่แพงที่สุดจะมีราคา $829 (ประมาณ 30,000 บาท)
- วางจำหน่ายแล้วในสหรัฐอเมริกา ส่วนบ้านเราต้องรออีกประมาณหกเดือนครับ
สำหรับรายละเอียดที่น่าสนใจ ก็มีเพียงเท่านี้ครับ ที่เหลือคือรอรีวิวจากทางเว็บต่างประเทศครับ ซึ่งดูจากการทดสอบต่างๆ ที่ออกมาก็ถือว่าน่าประทับใจทีเดียวครับ
6. ไม่รองรับ Flash นี่คือสิ่งที่ยังเป็นข้อด้อยของอุปกรณ์ตัวนี้่ ณ ขณะนี้ แต่คาดว่าในอนาคตคงจะใช้งาน Flash ได้ครับ เพราะจอใหญ่ตีตลาดพกพาขนาดนี้ หากเล่นแฟลชไม่ได้ถือว่างานหนักหน่อย
**คงไม่มีวันนั้นหรอกครับ เพราะถ้าใช้แฟลชได้ apple store ของแอปเปิ้ลก็ขายไม่ได้กันพอดี *v*
จริงเป็นที่สุด
เย้ๆๆๆๆๆๆ
เราได้ipad2
แล้ว
เล่นง่ายมาก
สุดยอด!!!!!]