Review: Battlefield 3 (PC)

ถึงเวลาแล้วสำหรับเกมยิงที่หลายคนรอคอยอย่าง Battlefield 3 ออกวางจำหน่าย ใครซื้อผ่านระบบออนไลน์ Origin แน่นอนว่าได้เล่นไปแล้วตั้งแต่เมื่อคืนนี้เวลาสี่ทุ่มตรง ส่วนใครซื้อคีย์หรือว่าแบบกล่องก็ต้องรอกันหน่อยเพราะปัญหาที่หลายคนทราบกันดี ผมคงไม่พูดเกริ่นอะไรมากมายถึงระบบตัวเกมให้ยุ่งยาก เพราะหลายคนน่าจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าตัวเกมในซีรี่ส์ Battlefield 3 ระบบเกมอะไรเป็นยังไงนะครับ

Single Player
โหมดนี้ความยาวไม่มากนัก มีระดับความยากสามระดับให้เลือกเล่น ตัวเกมจะพาเราสวมบทบาทในหลายๆ ตัวละคร แต่ตัวหลักของเรื่องคือจ่า Blackburn ที่ได้รับภารกิจในการนำหัวรบนิวเคลียร์กลับมาจากผู้ก่อการร้ายชาวรัสเซีย โหมดนี้ถือว่าทำได้ดีกว่าๆ ทุกภาคของ Battlefield ที่ผ่านมา (ผมไม่อยากเทียบกับ Medal of Honor เพราะผมยังไม่ได้เล่นภาคนี้) โหมดนี้ความยาวไม่ได้มากนักหากเล่นแบบ Normal คิดว่าสิบชั่วโมงก็น่าจะจบแล้ว ตัวเกมมีการใช้ QTE (Quick time event) ได้ดี แต่ช่วงแรกๆ อาจจะโผล่มาบ่อยไปนิดจนแอบรำคาญหน่อยๆ ปัญหาบั๊กเกี่ยวกับสคริปต์มีอยู่บ้าง ซึ่งผมถือว่าโชคดีไม่ได้เจอปัญหาเช่นตัวละครหาย หรือทะลุประตูที่หลายๆ คนเจอกัน

สรุปแล้วโหมดนี้คุณจะเอามาลองเล่นก็ไม่เสียหายอะไร เพราะทำได้สนุกและเร้าใจครับ และคุณก็จะได้เห็นด้วยว่า Frostbite Engine 2 ทำอะไรได้บ้างซึ่งเขาจัดมาโชว์แบบเต็มๆ เลย

Multiplayer
คงไม่ต้องพูดอะไรมาก ปัญหาหลายๆ อย่างใน beta หายไปหมดแล้ว ตอนนี้สามารถเปลี่ยนชุดได้ เปลี่ยนหมู่รบ รวมถึงสามารถกด ESC ปรับแต่งตัวเกมได้แล้ว ไม่ต้องรอตัวละครเกิดก่อนเหมือนของเบต้า ระบบวิทยุกลับมา (กด Q ค้างไว้) แผนที่พัฒนาขึ้นให้ดูง่ายกว่าเดิม รวมๆ แล้วพอใจมากครับ แน่นอนว่าพระเอกของภาคนี้กลับมาเป็นโหมด Conquest เช่นเดิมเพราะเล่นได้ถึง 64 คน

Graphic & Performance
ลืมเบต้าไปได้เลย เพราะตัวเต็มนี้ภาพสวยกว่าเดิมมากและที่สำคัญมันลื่นกว่าเดิมแบบผิดหูผิดตา เครื่องผมปรับ Ultra เล่นได้ประมาณ 30-50 เฟรมซึ่งเล่นได้สบายครับ (ลื่นกว่า beta เสียอีก) ส่วน high นี่เอาไปเลย 60 เฟรมเล่นมัลติเพลเยอร์แบบเนียนๆ ไม่มีสะดุดครับ จุดนี้ผมประหลาดใจมากเพราะเกมตัวเต็มเขา optimize มาได้ดีจริงๆ

Sound
ไม่ต้องบรรยายสำหรับเกมยิงจากค่ายนี้ที่เทพอยู่แล้วด้านการกำกับและบันทึกเสียง เสียงปืนทำได้หนักแน่นสะใจ เสียงบรรยากาศรอบๆ ทำได้มีมิติจนบางครั้งต้องถอดหูฟังออกมาเพราะนึกว่าเป็นเสียงจริงๆ (อันนี้จริงครับไม่ได้เมก 555)

สรุป
เกมตัวเต็มทำออกมาได้ดีมากทั้งโหมดเล่นคนเดียวและหลายคน เกมนี้คนส่วนมากคนจะโฟกัสกันไปที่โหมดเล่นหลายคนมากกว่า แต่โหมดเล่นคนเดียวผมก็ไม่อยากให้พลาดไปครับเพราะทำออกมาได้เร้าใจดีจริงๆ แต่การดำเนินเนื้อเรื่องหากเทียบกับคู่แข่งแล้วอาจจะไม่ได้ดีกว่าครับ (แต่ก็พัฒนามาเรื่อยๆ) ตัวเกม optimize มาได้ดีกว่าตัว beta ที่เราทดสอบกันมากๆ ใครติดตามซีรี่ส์นี้อยู่ อย่าได้ลังเลครับจัดโลด
5/5

 

EDIT 29/10/2011: สำหรับใครที่สงสัยว่าการ์ดท่านเล่นได้หรือไม่ได้ ผมเอาการ์ดจอตัวเก่าของผมมาเสียบแล้วเล่นให้ดู ว่าได้เฟรมเรตเท่าไหร่ ไล่ไปตั้งแต่ Ultra-High-Medium-Low การ์ดที่เอามาทดสอบคือ Radeon HD5770 เอาให้เห็นภาพไปเลย (สังเกตที่มุมบนขวานะครับ)

 

7 Replies to “Review: Battlefield 3 (PC)”

  1. (Graphic & Performance
    ลืมเบต้าไปได้เลย เพราะตัวเต็มนี้ภาพสวยกว่าเดิมมากและที่สำคัญมันลื่นกว่าเดิมแบบผิดหูผิดตา เครื่องผมปรับ Ultra เล่นได้ประมาณ 30-50 เฟรมซึ่งเล่นได้สบายครับ (ลื่นกว่า beta เสียอีก) ส่วน high นี่เอาไปเลย 60 เฟรมเล่นมัลติเพลเยอร์แบบเนียนๆ ไม่มีสะดุดครับ จุดนี้ผมประหลาดใจมากเพราะเกมตัวเต็มเขา optimize มาได้ดีจริงๆ)
    ใช้การ์ดจอรุ่นไหนครับผมใช้GTX550ปรับแบบดังกล่าวได้ปะ????

  2. ผมลังเลครับว่าเครื่องผมจะไม่ไหวเอา lol
    ยืมตังแอดมินอัพเครื่องหน่อยครับ

  3. @ธนกฤต เกิดสุวรรณ

    ผมใช้ Radeon HD6950 ครับ

    GTX550 เล่นแบบ high น่าจะไม่มีปัญหาครับ ถ้าเคยลองตัวเบต้ามาแล้วมั่นใจได้ว่ามันลื่นกว่าที่คุณเคยเล่นแน่นอนครับ

    @Chorchef

    เอา HD5770 มั๊ยครับ เดลเลย อิอิ

  4. แล้วมันลื่นกว่าตัวbetaมากแค่ไหนครับ(ผมเคนเล่นbetaแต่อยากรู้ว่ามันลื่นกว่าตัวbetaหรือเปล่า)

  5. ตัวbetaผมปรับสูงสุดได้ดฟรมเรตประมาณ20-30ครับ
    แล้วมันลื่นกว่าตัวbetaมากแค่ไหนครับ(ผมเคนเล่นbetaแต่อยากรู้ว่ามันลื่นกว่าตัวbetaหรือเปล่า)

  6. ตอนเบต้าผมปรับสุดทุกตัว ได้เฟรมประมาณ 35-40 แต่มาตัวเต็ม ผมได้เฟรมประมาณ 55-60 เลยครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *