23 เคล็ดลับวิธีการเลือกซื้อ LCD TV และ LCD Monitor

ปัจจุบัน LCD TV เป็นทีวีอีกแบบที่ได้รับความนิยมอย่างมากขึ้นเรื่อยๆ ตามสมัยนิยม ด้วยเหตุผลหลายประการเช่นราคาที่ถูกลงมาเรื่อยๆ  ดีไซน์ที่สวยงามและปัจจุบันภาพวิดีโอแบบความละเอียดสูงพบเจอได้ง่ายมากๆ ต่างกับสมัยสามสี่ปีก่อนลิบลับ

บทความนี้เนื้อหานำมาจากเว็บไซต์ Gizmodo ซึ่งผมนำมาเรียบเรียงใหม่ให้กลายเป็นภาษาไทย ซึ่งเคล็ดลับหรือเทคนิคการเลือกซื้อสินค้าประเภทนี้ปัจจุบันผมว่าเป็นเรื่องที่มีคนนิยมถามกันเป็นจำนวนมากในอินเตอร์เน็ต ว่ารุ่นไหนดี หรือวิธีการเลือกซื้อควรจะทำยังไง ซึ่งเนื้อหาพวกนี้สามารถนำไปใช้ในการเลือกซื้อ LCD monitor ได้ด้วย เอาเป็นว่าไปดูกันเลยดีกว่า

Samsung LCD TV Website

คำแนะนำเบื้องต้น

  1. สเปคที่ออกมาจากผู้ผลิตส่วนมากล้วนเกินจริง และไม่สามารถนำไปใช้ในการประกอบการตัดสินใจเพียงอย่างเดียวได้ ควรใช้สเปคจากผู้ผลิตในการเปรียบเทียบภายในยี่ห้อเดียวกันเท่านั้น ไม่ควรนำไปเปรียบเทียบต่างยี่ห้อเนื่องจากบางผู้ผลิตมีมาตรฐานการวัดที่แตกต่างกันมากมาย (และส่วนมากเรามักจะไม่ทราบ)
  2. ทำการบ้านโดยการเก็บข้อมูลต่างๆ เช่นรีวิว หรือข้อคิดเห็นจากคนอื่นๆ ให้มากที่สุด และหาข้อมูลจากแหล่งที่เป็นกลางเพื่อใช้ในการประกอบการตัดสินใจ สำหรับเว็บไซต์ในไทยส่วนมากจะให้ข้อมูลในรูปแบบของสังคมหรือ community เสียมากกว่าที่จะเป็นฐานข้อมูล การตัดสินใจผมเลยแนะนำให้หาบอร์ดที่คุยกันแบบกลางๆ ไม่แยกยี่ห้อ จะได้ผลที่ค่อนข้างน่าเชื่อถือกว่าครับ
  3. เข้าไปหาข้อมูลจากเว็บไซต์ผู้ผลิตและอ่านข้อมูลทั้งหมดอย่างละเอียดและรอบคอบ หากเว็บไซต์นั้นๆ มีคู่มือการใช้งานให้ดาวน์โหลดด้วยก็จะยิ่งดีเพราะเป็นหนึ่งในการศึกษาการใช้งานของเครื่องที่ดีที่สุด
  4. คำแนะนำแบบลัดสุดๆ คือให้เลือกซื้อ plasma TV หากต้องการดูในห้องมืด และเลือก LCD TV หากต้องการดูในห้องสว่างๆ (ดูจากการใช้งานทั่วไปของคุณ)
  5. เลือกร้านที่จะเข้าไปซื้อ จำไว้ว่าร้านจะมีหลายๆ รูปแบบไล่จากร้านขนาดใหญ่เช่นตามห้างต่างๆ ที่มีทีวีให้เลือกมากมาย ไล่ไปจนถึงร้านเล็กๆ ที่เปิดตามอาคารพาณิชย์ที่มีความเชี่ยวชาญ แต่จงคิดไว้อย่างนึงว่า ร้านที่มีขนาดใหญ่ กฎเกณฑ์ประเภท “ดูได้แต่ห้ามจับ” ก็จะยิ่งเยอะตามไปด้วย

เมื่อเดินเข้าไปในร้าน

  1. ในร้านเกือบร้อยทั้งร้อยจะเปิดเดโมเพื่อโชว์ความสามารถของโทรทัศน์ ซึ่งเดโมเหล่านี้ถูกออกแบบมาให้ดูตื่นตาตื่นใจเป็นทุนเดิม ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเดโมพวกนี้คุณภาพอาจจะไม่ค่อยดีเลิศสุดเกจเท่าไหร่นัก แต่ก็ยังดีที่เค้าเปิดให้ดูทุกตัวเหมือนๆ กันก็พอเปรียบเทียบกันได้
  2. หากเดโมที่โชว์เป็นภาพแอนิเมชั่น ให้มองข้ามจุดนี้ไปเนื่องจากภาพเหล่านี้เป็นภาพสังเคราะห์ ทีวีที่มีสีสดที่สุด ความสว่างสูงสุดก็จะได้เปรียบไปโดยปริยาย หากต้องการเลือกและพิจารณาจากสีที่ถูกต้อง แนะนำให้หลีกเลี่ยงการพิจารณาจากภาพคอมพิวเตอร์กราฟิก หาภาพทั่วๆ ไปมาเทียบดูจะเป็นความคิดที่ดีกว่า
  3. ในร้านส่วนมากทีวีมักไม่ได้ถูกปรับอย่างถูกต้อง และไม่สามารถตัดสินได้จากสายตาของคุณ เช่นหากไปเจอทีวีที่ภาพไม่ดี อาจคิดได้สองแง่คือมันอาจเป็นทีวีที่ดีแต่ไม่ได้รับการปรับที่ถูกต้อง หรือไม่มันก็เป็นทีวีที่ไม่ดีเท่าไหร่และภาพที่เห็นนั่นก็คือสุดความสามารถของมัน (เรียกว่าขุนกันสุดๆ) ถ้าหากไปเจอตัวที่ภาพดูดี ก็หมายความว่าภาพอาจจะดียิ่งขึ้นไปอีก หากได้รับการปรับอย่างถูกต้องหรือใช้เครื่องมือปรับแต่งสี ซึ่งจะสังเกตได้ว่าส่วนมากมักจะขายดีและมีกำไรเยอะ
  4. ตัวจ่ายการแสดงผลที่ใช้ในร้านจะมีทั้งแบบดิจิตอล และอนาล็อก ซึ่งร้านส่วนมากมักใช้แบบอนาล็อกเพราะมีราคาที่ถูกกว่า และแน่นอนว่าแบบอนาล็อกจะให้ภาพที่คุณภาพไม่ดีเท่าไหร่นักในความละเอียดสูงๆ ฉะนั้นควรพิจารณาด้วยว่าร้านที่คุณไปดูใช้แบบไหนครับ
  5. ร้านส่วนมากมักมีแสงที่ค่อนข้างสว่างกว่าตามบ้านทั่วไป และเป็นแสงที่ไม่ใช่แสงปกติในการรับชมทีวี การรับชมทีวีที่พิจารณาคุณภาพได้ดีที่สุดคือการพิจารณาในบริเวณที่แสงน้อย จึงควรคำนึงถึงเรื่องเหล่านี้ไว้ด้วย
  6. ควรพิจารณาจอในตำแหน่งด้านหน้าจอแบบตรงๆ เนื่องจากจอพวกนี้หากมองในมุมมองที่ต่างกันจะมีผลด้วย
  7. หากเทียบกันตัวต่อตัวระหว่างหลายๆ จอ แน่นอนว่าในความคิดของเราจอที่มีสีสด และสว่างที่สุด จะเป็นจอที่น่าซื้อและดูดีที่สุด และจอที่มีสีสันเป็นธรรมชาติสีมักจะซีดกว่า ก่อนพิจารณาตรงจุดนี้อยากให้ลองเช็คเรื่องโหมดการแสดงผลของจอด้วย เนื่องจากทีวีส่วนมากที่มาจากโรงงานจะตั้งโหมดส่วนมากไว้ที่ vivid หรือโหมดสีสดทำให้การตัดสินใจของเราผิดพลาดได้

แล้วควรทำอย่างไร?

  1. การใช้ภาพเคลื่อนไหวไม่ได้เป็นสิ่งที่เหมาะที่สุดในการพิจารณาภาพเสมอไป เนื่องจากภาพเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สิ่งที่ดีที่สุดคือการนำภาพนิ่งมาใช้ในการเปรียบเทียบ และควรมองจากมุมมองที่ต่างกันด้วย เพราะหลายจออาจมีปัญหาเรื่องมุมมองด้วยเช่นกัน
  2. ร้านเล็กๆ ส่วนมากจะให้เรานำแผ่นหนังของตัวเองไปทดสอบได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีว่าเราควรจะได้ภาพออกมาเป็นอย่างไรในมุมมองของหนังเรื่องโปรด ควรหาหนังไปสักสองสามแผ่นเพื่อทำการทดสอบโดยใช้ฉากที่เราชอบหรือดูเป็นประจำในการพิจารณา สำหรับเรื่องนี้ผมแนะนำให้หาหนังหลายๆ แนว เช่นแนวชีวิต ทิวทัศน์สวยๆ หรือจะหาแนวบู๊ที่มีการเคลื่อนไหวรวดเร็ว เพื่อทดสอบเรื่อง response time ของจอก็เป็นความคิดที่ดีเช่นกัน ส่วนหนังชมพูคงไม่ต้องเอาไป เพราะอาจโดนรวบได้ 555
  3. อีกแนวทางที่เป็นไปได้กว่าคือการนำ USB Flashdrive ที่มีภาพของเราเองหรือภายในครอบครัวติดไปด้วย เพราะจอปัจจุบันต่างมีพอร์ท USB และสามารถชมภาพได้ภายในตัวเครื่องเลย อีกการเอาภาพที่เราคุ้นเคยมากๆไป เพราะเราคุ้นเคยกับภาพเหล่านั้นทั้งสีสันและรายละเอียด ทำให้เราสามารถเลือกได้สะดวกและเที่ยงตรงกว่าเดิมด้วย
  4. คุยกับคนขายว่าสามารถให้คุณเล่นรีโมทได้หรือไม่ หากเล่นได้ก็น่าจะลองทำความคุ้นเคยกับตัวรีโมท และตัวเมนูในเครื่องว่าเหมาะกับเราหรือไม่อย่างไร
  5. หากคุณมีความรู้พอสมควร ลองปรับแต่งสีดูเลยโดยเทียบกับหนังหรือภาพที่คุณนำมานั่นละ ว่าคุณสามารถปรับแต่งสีหรือคุณภาพของภาพให้ถูกใจตัวเองได้หรือไม่

จะเลือกจอโดยดูจากอะไรดี?

  1. แสงสะท้อนของจอ พยายามหลีกเลี่ยงจอประเภท glossy หรือที่เรียกกันภาษาบ้านๆ คือจอกระจก เว้นเสียว่าคุณจะดูในที่มืดเสียเป็นส่วนใหญ่ หากจะเลือกจอแบบนี้ให้ดูด้วยว่ามีอาการภาพเป็นคลื่นๆ หรือไม่เนื่องจากบางครั้งการติดจออาจทำได้ไม่ค่อยดีจึงทำให้เกิดปัญหา วิธีการเช็คคือใช้ภาพสีดำล้วนและมองจากมุมมองที่ต่างๆ กัน
  2. เช็คระดับสีดำของจอหรือการเล็ดลอดของแสง backlight ในขณะที่จอภาพแสดงสีดำด้วย (ถึงแม้ว่าอาจจะเช็คยากนิดนึงเนื่องด้วยเหตุผลเรื่องแสงสว่างภายนอก) และอย่าลืมเช็ค dead pixel รวมถึงคุณภาพการประกอบของจอด้วย
  3. ดูเรื่ององศาการมองของภาพในมุมมองที่แตกต่างกัน ควรหาภาพที่มีสีสันหลากหลายเพื่อเช็คว่ามีสีไหนที่มีการเพี้ยนบ้างเมื่อเราเปลี่ยนมุมมอง ซึ่งปัญหาพวกนี้จะเจอมากในจอประเภท LCD แต่กลับ plasma ปัญหาพวกนี้แทบไม่มีให้เห็น ให้ลองเปลี่ยนมุมมองจากแนวตั้งและแนวนอนเพื่อทดสอบด้วย
  4. จอ LCD แบบ IPS (In-Plane Switching) เป็นจอที่มีคุณภาพสูงที่สุดในบรรดาจอ LCD และมีปัญหาเรื่ององศาการมองน้อยมากแต่สิ่งที่เป็นจุดอ่อนของจอตัวนี้คือระดับภาพสีดำที่น้อยกว่าประเภทอื่นๆ หากซื้อจอประเภทนี้ควรเช็คระดับภาพสีดำให้ละเอียดด้วย
  5. จอบางตัวจะมีปัญหากับภาพที่มีความสว่างสูง ซึ่งเป็นปัญหาที่อาจทำให้ส่วนที่เป็นส่วนไฮไลท์ของภาพ (ส่วนที่มีความสว่างสูงของภาพ) นั้นรายละเอียดหายไป (กลายเป็นภาพสีขาวสว่างจ้า) วิธีการทดสอบคือให้หาภาพที่มีส่วนไฮไลท์ที่มีความสว่างสูง แต่ยังมีรายละเอียดครบถ้วนไปเปิด หากมองไม่เห็นรายละเอียดบนส่วนนั้นบนหน้าจอ ให้ลองปรับลด contrast ลงมา หากยังมองไม่เห็นรายละเอียดที่หายไป ให้มองข้ามจอตัวนั้นไปเลย
  6. จอบางตัวมีเสียงที่อาจเกิดจากส่วน power supply หรือส่วนพัดลมระบายอากาศ ควรเช็คเรื่องเหล่านี้ด้วยถึงแม้ว่าจะยากไปสักนิดในการเทสตามห้างเนื่องจากเสียงรอบข้างที่รบกวน

หวังว่า 23 เทคนิคนี้คงจะมีประโยชน์สำหรับในการเลือกบ้างไม่มากก็น้อยครับ สุดท้ายผมอยากจะบอกว่า “Believe Your Eyes” หรือเชื่อสายตาคุณเองเป็นสิ่งที่ดีที่สุดครับ

4 Replies to “23 เคล็ดลับวิธีการเลือกซื้อ LCD TV และ LCD Monitor”

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *