หลังจากที่เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองฟื้นจากอาการสลบเมื่อได้เปิดตัว Samsung 830 เมื่อปีที่แล้วและได้รับเสียงชื่นชมแบบไม่น่าเชื่อ ถึงวันนี้ทาง Samsung กลับมาอีกครั้งพร้อมการพัฒนาที่มากขึ้นกับ SSD (Solid State Drive) ในซีรี่ส์ 840
Samsung 840 เป็นซีรี่ส์ล่าสุดของ SSD จาก Samsung ที่ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้ามาก โดยได้แบ่งออกเป็นสองรุ่นคือ 840 ปกติและ 840 Pro โดยตัวที่เราโฟกัสกันเป็นพิเศษคือ 840 Pro ที่เป็นรุ่นท็อปสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความแรงแบบสุดๆ มาพร้อมกับชิปหน่วยความจำแบบ MLC ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับ 21 นาโนเมตร ทำให้กินพลังงานต่ำลงอีกมากและได้ประสิทธิภาพที่สูงด้วย เท่านั้นยังไม่พอมาพร้อมกับคอนโทรลเลอร์ตัวใหม่ที่ทางซัมซุงได้คิดค้นขึ้นมาเองเช่นกันคือ MDX Controller ที่เป็นรุ่นน้องต่อจาก MAX, MBX และ MCX ที่เคยใช้ในรุ่นเก่าๆ สำหรับรุ่นเล็กอย่าง 840 ยังใช้หน่วยความจำแบบ TLC ดังเดิมเหมือนกับที่เคยใช้ใน 830 แต่ใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับ 21 นาโนเมตร ส่วนคอนโทรลเลอร์ก็ใช้รุ่นใหม่เหมือนกับตัว 840 Pro
สำหรับใครที่สงสัยว่าตัว 840 Pro นั้นมีประสิทธิภาพที่ดีกว่ารุ่นเก่ามากน้อยแค่ไหน ดูได้จากตารางด้านล่างเลยครับ
จะเห็นได้ว่าสิ่งที่พัฒนาขึ้นมาจากรุ่นเก่า 830 มากนั้นที่สังเกตเห็นได้ชัดเลยคือเรื่อง IOPS ที่ประสิทธิภาพในการอ่านนั้นเพิ่มจากของเดิมมากถึง 20K ยังไม่นับถึงเรื่องการเขียนที่เรียกว่าเพิ่มขึ้นมาอีกเท่าตัว
สำหรับผมแล้วการเลือกใช้งาน SSD ผมมักจะมองที่ IOPS และ Access Time มากกว่า Transfer Rate เพราะหากเราใช้งานกันปกติแล้ว Transfer Rate ไม่ถือว่าเป็นประเด็นสำคัญมากมายนัก จะมีประโยชน์อะไรหากเราใช้ SSD ที่มี Transfer Rate สูง แต่ IOPS, Access Time ไม่ได้เรื่อง มันบ่งบอกได้ว่า SSD ตัวนั้นสามารถก๊อปปี้ไฟล์ได้เร็ว แต่ใช้งานปกติอาจจะไม่ได้ดีไปกว่า HDD ก็เป็นไปได้
อีกส่วนนึงที่น่าสนใจมากคืออัตราการกินพลังงานของ 840 ที่ลดลงไปจากเดิมสูงสุดคือ 0.24W เหลือเพียงแค่ไม่ถึง 0.1W เท่านั้น! แน่นอนว่ามันกินไฟต่ำจนแทบจะไม่รู้สึกกันเลย เหมาะที่จะนำไปใช้งานในคอมพิวเตอร์โน้ตบุคมากๆ
แล้ว SSD ที่ประสิทธิภาพโดยรวมน่าสนใจขนาดนี้ราคาจะอยู่ที่เท่าไหร่ สำหรับเจ้าตระกูล 840 นี้มีหลายขนาดหลายราคาให้เลือก โดยต่ำสุดที่ 64GB และสูงสุดที่ 512GB โดยเริ่มต้นที่ราคาประมาณ $99 หรือ 3,200 บาท จนไปถึงขนาด 512GB ที่ราคา $599.99 หรือประมาณ 18,000 บาท
สำหรับใครที่สนใจรีวิวฉบับเต็มของ Samsung 840 ตัวนี้สามารถเข้าไปดูได้ที่ AnandTech ครับ