เกิดอะไรขึ้นกับ Apple iPad ?

ก็คงทราบกันไปแล้วสำหรับงานเมื่อคืนหลังจากที่รอกันมานาน สำหรับการเปิดตัวน้องใหม่ของตระกูล iPad อย่าง iPad Mini ที่มาพร้อมกับจอขนาด 7.85 นิ้วรวมถึงซีพียู A5 ส่วนจอนั้นใช้จอความละเอียดเดียวกันกับ iPad 2 ราคาก็เริ่มที่ประมาณหนึ่งหมื่นบาทเป็นต้นไปและมีรุ่นที่รองรับ 4G LTE ด้วย ก็ถือว่าน่าสนใจทีเดียวสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าถึง iPad ในงบประมาณที่ไม่สูงนักและอยากได้ขนาดเล็กและเบา

แต่อีกตัวนึงที่เหนือความคาดหมายสุดๆ สำหรับผมเลยนั่นก็คือ iPad 4th Generation หรือ iPad 4 ก็มาเปิดตัวในงานนี้อีกด้วยซึ่งสำหรับผมถือว่าน่าตกใจมาก เพราะระยะเวลาเพียงหนึ่งปีเท่านั้นมีการเปิดตัว iPad มากถึงสามรุ่นก็คือตั้งแต่เดือนมีนาคมเปิดตัว The New iPad รุ่นอัพเกรดของ iPad 2 ที่มาพร้อมกับจอ Retina Display เป็นครั้งแรกกันเลย จนมาถึงเดือนตุลาคมก็เปิดตัว iPad Mini รุ่นเล็ก และไม่น่าเชื่่อว่าจะมีรุ่นต่อของ The New iPad ออกมารวดเร็วขนาดนี้ สำหรับฟีเจอร์เด่นๆ สำหรับคนที่ไม่ชอบจุกจิกเรื่องรายละเอียด ผมบอกได้สั้นๆ ว่า iPad 4 มีดีตรงใช้ซีพียูตัวใหม่ A6X จอ Retina Display เหมือน The New iPad และมีการเปลี่ยนไปใช้พอร์ทแบบใหม่ Lightning Connector เหมือน iPhone 5 และมีกล้องหน้าที่อัพเกรดขึ้นมาให้รองรับ HD วางขาย 4 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้

หลังการเปิดตัวมีเสียงวิจารณ์มากมายจากแฟนๆ ถึงความคาดหวังหลายอย่างทั้งที่ตรงเป้าและไม่ตรงเป้า ตั้งแต่ iPad Mini ที่เปิดตัวมาราคาค่อนข้างสูงกว่าคู่แข่งอย่าง Nexus 7 ถึงหนึ่งร้อยเหรียญ รวมถึงใช้ซีพียูเพียงแค่ A5 เท่านั้นนอกจากนี้จอก็ยังไม่ได้เป็น Retina Display สำหรับผมเรียกว่ามันคือ iPad 2 ที่ปรับให้ขนาดเล็กลงเท่านั้น อีกตัวที่ทำให้คนที่เพิ่งซื้อรุ่นใหม่เมื่อต้นไปไปอาจจะมีสะดุ้งบ้างไม่มากก็น้อยคือ iPad 4 ที่เน้นการปรับปรุงภายในมากกว่าภายนอก ถึงจะมีการปรับปรุงไม่มากแต่ในทางจิตวิทยาแล้วทำให้แฟนๆ บ่นกันค่อนข้างเยอะว่าทำไมอายุของเครื่องใหม่ที่เพิ่งซื้อมามันสั้นเสียเหลือเกิน

การออกรุ่นใหม่รอบนี้ถือว่าทำให้วงจรของการออกสินค้าใหม่ของ Apple โดยเฉพาะแท็บเล็ตผิดเพี้ยนไปจากเดิมที่ปกติแล้วเราจะเห็นการเปิดตัว iPad รุ่นใหม่ในช่วงเดือนมีนาคม เรื่องนี้ทำเอาผมและหลายคนสับสนเหมือนกันว่าสรุปแล้วในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นกับรอบที่ผิดเพี้ยนเช่นนี้ รวมถึงทำให้ผู้ที่นิยมอัพสินค้ารายปีไม่สามารถไหวตัวได้ทันอีกต่างหาก (ฮ่าๆ) และยังมีข้อสงสัยอีกมาก ว่าการออกสินค้าหลายรุ่นและไม่เคลียร์รุ่นเก่าทิ้งแบบนี้จะทำให้เกิดปัญหาการกระจัดกระจายแบบที่ Android กำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้หรือไม่ หรือเราอาจตีความหมายได้ว่า CPU A5 ที่ Apple ยังคงนำมาใส่ใน iPad Mini นั้นเป็นซีพียูที่แรงในระดับที่สามารถรันเกมและแอพต่างๆ ได้เป็นอย่างดีและไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ตัวที่แรงกว่านี้ก็ได้ใช่หรือไม่?

CPU A5 ใน iPad Mini จะคุ้มค่าต่อการลงทุนระยะยาวหรือไม่?

แต่การออกสินค้าใหม่ก่อนแบบนี้ ก็ทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่าเมื่อถึงเดือนมีนาคมปีหน้านั้น Apple จะเข็นตัวอัพเดทใหม่ๆ ของ iPad ออกมาอีกหรือเปล่า มันก็คงน่าแปลกใจไม่น้อย iPad ที่ถึงยุคที่สี่แล้ว แต่กลับไม่มีอะไรอัพเดทมากมายนักนอกจากไส้ในที่พัฒนาขึ้น แต่ด้านดีไซน์นั้นยังคงเดิมไม่มีเปลี่ยนทำให้หลายคนอาจมองไปถึงมีนาคมปีหน้า ว่าจะมีรุ่นอัพเดทอีกรุ่นออกมาให้ช้ำใจกันอีกรึเปล่าเพราะดูแล้วหากช่วงนั้นดูว่างไปก็คงไม่ใช่วิสัยของบริษัทนัก

การเปิดตัวเมื่อคืนทำให้เกิดหลายคำถามสำหรับผมถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ของค่ายนี้ก็ตามที สงสัยว่า Apple กำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้เปิดตัว iPad 4 ออกมาในตอนนี้แถมยังกล้าพูดได้เต็มปากว่ามันคือยุคที่ 4 จะเรียกว่าดึงยอดขายช่วงปลายปีที่ฝรั่งซื้อขายของกันเยอะมันก็ผิดแปลกแหวกแนวจากที่เคยมีอยู่พอสมควรเพราะการกระทำแบบนี้ถือเป็นการ “แหวกม่านประเพณี” และถือว่าค่อนข้างทำร้ายจิตใจแฟนๆ ชนิดสาหัสไม่น้อยแต่ผมคิดว่าผู้ที่มี The New iPad การอัพเกรดไปใช้ iPad 4 อาจจะไม่ได้มีแรงจูงใจอะไรมากนัก แต่สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อใหม่เลยผมว่าก็ไม่ผิดอะไรที่จะหามาใช้สักตัวนะ เพราะหากว่ากันด้วยเรื่องสเปคโดยเฉพาะจอภาพและวัสดุเครื่องยังคงอยู่ในระดับแนวหน้าและหาตัวเทียบได้ยากอย่างน้อยก็ในช่วงระยะเวลานี้ รวมถึงโปรแกรมที่มีให้เล่นกันมากมายเหลือเกินและหลายตัวก็หาไม่ได้จากแพลทฟอร์มตัวอื่น

นับว่า Apple ยุคที่ Tim Cook บริหารแทน Steve Jobs นั้นทำให้เรามีความรู้สึกที่เปลี่ยนไปในหลายๆ เรื่อง หากนับกันตั้งแต่ต้นปีนั้น The New iPad ในเรื่องสเปคถึงจะดีขึ้นมาก แต่ในมิติอื่นๆ โดยเฉพาะเรื่องดีไซน์ไม่ได้ดีไปกว่ารุ่นเก่า หนำซ้ำยังร้อนกว่าและหนักกว่าเดิมซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเป็นสักเท่าไหร่ และยังมีเรื่องของ iPhone 5 ที่มีดราม่าทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ (แฟลร์ม่วงและ Apple Map) ทำให้ผมหยุดนึกคิดไม่ได้ว่ามาตรฐานของ Apple หลังการเปลี่ยนถ่ายอำนาจยังไม่เข้าที่เข้าทางรึเปล่า หรือหากคิดในแง่ร้ายคือ Apple อาจกำลังเข้าสู่จุดถดถอยอีกครั้งอย่างช้าๆ เหมือนยุค 90

แต่ถึงอย่างไรก็ตามสินค้า Apple ในขณะนี้ก็ยังขายดีเทน้ำเทท่าเช่นเดิมอย่างแน่นอนเพราะยังมีข้อได้เปรียบอีกมากที่ Apple ยังเหนือกว่าคู่แข่งโดยเฉพาะเรื่องการตลาด และซอฟต์แวร์ที่โดดเด่นกว่าเจ้าอื่นชนิดไม่อาจปฏิเสธได้ ส่วน Apple จะทำให้ผู้ซื้อ iPad ปวดใจกันอีกรอบหรือไม่ต้องรอดูกันมีนาคมปีหน้าครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *